สำนวนแรก
9.
ทรงฝันเห็นสระแห่งหนึ่ง มีบัวนานาชนิดขึ้นอยู่เต็ม และมีท่าขึ้นลงโดยรอบ
สัตว์ต่างๆ ก็พากันดื่มน้ำในสระ แต่แทนที่น้ำบริเวณที่สัตว์เหยียบย่ำจะขุ่น
กลับใสสะอาด ส่วนน้ำที่อยู่ลึกกลางสระที่สัตว์ไม่ไปดื่มหรือ เหยียบย่ำแทนที่จะใส
กลับขุ่นข้น –
ทรงทำนายว่า
ต่อไป เมื่อคนมีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม ขาดเมตตา คอยใช้อำนาจ
รีดนาทาเร้นหรือกินสินบน ชาวบ้านชาวเมือง ก็จะหนีไปอยู่ตามชายแดนหรือที่อื่นๆ
ทำให้ที่นั้นๆ
ที่คนพากันไปอยู่มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น เหมือนน้ำรอบๆ สระที่ใส
ส่วนเมืองหลวงกลับว่างเปล่า เหมือนกลางสระที่ขุ่น [3
พุทธทำนาย 16 ข้อ]
สำนวนที่สอง
ข้อ
๙. สุบินว่า
"สระใหญ่แห่งหนึ่งมีบัวนานาชนิดขึ้นอยู่เต็ม มีท่าขึ้นลงอยู่รอบสระ
สัตว์ต่างๆ พากันลงมาดื่มน้ำในสระ แต่แทนที่ริมสระน้ำจะขุ่น เพราะสัตว์ลงมาดื่มกิน
น้ำกลับใส ส่วนที่กลางสระที่สัตว์ต่างๆ
พากันไปไม่ถึงนั้นแทนที่น้ำจะใสกลับขุ่นคลั่ก"
ทรงพระพุทธทำนายว่า"
ต่อไปผู้เป็นใหญ่ในประเทศจะไม่ตั้งอยู่ในธรรม มักรีดนาทาเร้นราษฏรในเมืองหลวง
ทำให้ราษฏรทนไม่ได้ก็เลยอพยพไปอยู่ยังชายแดนหมด
เมืองหลวงก็ว่างเปล่าไม่มีคนส่วนชายแดนหนาแน่นด้วผู้คน
เหมือนกลางสระน้ำขุ่นริมสระน้ำใสนั้น"
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายก่อนเสียกรุง มีผู้คนไม่น้อยที่อพยพหลบหนีภัยสงครามบ้าง
ภัยจากพวกขุนนางขี้ฉ้อบ้าง ออกไปอยู่นอกเมือง หรือจะเรียกว่า
"เข้าไปอยู่ในป่าก็ได้"
แม้กระทั่งพระยาวชิรปราการ
หรือ พระยาตาก (สิน) ก็ยังรวบรวมสมัครพรรคพวก
ฝ่าวงล้อมพม่าออกไปตั้งมั่นยังหัวเมืองชายฝั่งตะวันออกเลยเพราะทนความเหลวแหลกของผู้เป็นใหญ่ในสมัยนั้นไม่ไหว
มาดูในสมัยปัจจุบันบ้าง
ผมกับท่านผู้อ่านยังนับว่าโชคดีที่ได้อพยพมาอยู่อเมริกา
มีเจ้าของตึกสูงเสียดฟ้าคนหนึ่ง
ต้องขายกิจการ และทรัพย์สินทั้งหมด
อพยพตัวเองและครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ
เพราะทนต่อระบบการขอบริจาคที่คุณไม่ควรปฏิเสธ ไม่ไหว
โลกของเราแคบลง
หนีไปชายแดนก็คงจะหนีไม่พ้น หนีไปอยู่บ้านอื่นเมืองอื่นเสียเลย
สงสารพี่น้องชาวไทยอีกหลายคน ที่อุตส่าห์ไปทำหนังสือเดินทางทิ้งเอาไว้ เพื่อปลอบใจตนเองว่า
สักวันคงได้ไปอยู่ไปทำงานต่างประเทศกับเขาบ้างแล้วผลออกมาเป็นอย่างไรท่านผู้อ่านลองนึกต่อทีเถอะครับ
[2
หน้าเพจ “พุทธทำนาย”]
[1 หนังสือพุทธทำนาย 16 ประการ] รวบรวมโดย พระครูปลัดวีระนนท์
วีระนนฺโท ท่านว่าไว้ ดังนี้